หน้าหลัก > ข่าว > เกร็ดความรู้ > (วันนี้ในอดีต) ๒๗ มกราคม ๒๕๐๖ วันสิ้นพระชนม์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา
(วันนี้ในอดีต) ๒๗ มกราคม ๒๕๐๖ วันสิ้นพระชนม์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา

ผู้ดูแลเว็บ สำนักศิลปวัฒนธรรม
2023-02-13 16:04:16


พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา
ประสูติ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๓๒
สิ้นพระชนม์ วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๐๖ สิริพระชันษาได้ ๗๔ ปี
พระคุณสมบัติพิเศษ โปรดเสด็จประพาสป่าและการเลี้ยงสัตว์

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภาเป็นพระราชธิดาลำดับที่ ๖๕ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระองค์ที่ ๒ ในเจ้าจอมมารดาอ่อน มีพระเชษฐภคินี คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรประพันธ์รำไพ ประสูติในพระบรมมหาราชวัง ตำหนักอยู่ใกล้ประตูพรหมโสภาเป็นอาคารทรงยุโรป ๒ ชั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้เป็นที่ประทับของพระราชธิดาทั้ง ๒ พระองค์และพระญาติเจ้าจอมก๊กออ
ในขณะทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาที่โรงเรียนราชกุมารีตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ทรงศึกษาภาษาไทยชั้นต้นกับพระยาอิศรพันธุ์โสภณ (ม.ร.ว. หนู อิศรางกูร) ต่อมาสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถฯ ได้ทรงขอครูมีจากโรงเรียนสุนันทาลัยมาถวายสอนภาษาอังกฤษและสอนหัดเต้นรำด้วยภายหลังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าพิจิตรจิราภา เทวกุล มาสอนถวายแทนครูมีที่ถึงแก่กรรม
ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๒ ขณะมีพระชันษาได้ ๑๑ ขวบได้ทรงเข้าพระราชพิธีโสกันต์ตามขัตติยราชประเพณีในปีนั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์กลางมีเจ้านายทรงเข้าโสกันต์พร้อมกัน ๓ พระองค์ คือ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปา พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา และพระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา รวมอยู่ด้วยซึ่งล้วนเป็นเจ้านายที่เคยประทับในสวนสุนันทา สมเด็จพระบรมราชชนก พระราชทานพระมหาสังข์ทรงจรดพระกรรไกรกระบิดผู้ตัดจุกเป็นเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์ คือ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงษ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงษ์วรเดช เสด็จกรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ เสด็จกรมพระนเรศวรฤทธิ์และสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
หลังจากที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรปในปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ ได้ทรงซื้อที่ดินเพื่อสร้างสวนดุสิตในระยะแรกทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลับพลาชั้นเดียวเป็นที่ประทับชั่วคราวจนแล้วเสร็จในปีพุทธศักราช ๒๔๔๒ พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยภา และพระเชษฐภคินีได้ทรงย้ายที่ประทับพร้อมด้วยเจ้าจอมมารดาจากวังหลวงมายังวังสวนดุสิต พระที่นั่งวิมานเมฆ และที่สวนพุดตาลโดยลำดับก่อนที่จะเสด็จไปประทับที่สวนสุนันทาในเวลาต่อมา
ในระหว่างประทับที่วังสวนดุสิตนั้น พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภาทรงสำราญกับงานรื่นเริงต่างๆ เช่น งานขึ้นปีใหม่จะมีการเล่นในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพาร มีการจับสลากเพื่อแต่งแฟนซีประกวดประชันกันทุกปีมีอยู่ปีหนึ่งพระองค์ทรงจับสลากถูกให้แต่งเป็นชุดนายทหาร ผู้แต่งแฟนซีทุกคนต้องมีบ่าวแต่งแฟนซีในชุดที่เหมือน ๆ กันด้วย พระเจ้าอยู่หัวทรงจับสลากให้ทรงฉลองพระองค์ชุดนายทหารเรือ ส่วนเจ้าจอมก๊กออแต่ละท่านก็ถูกแต่งให้เป็นขุนนางเก่า นายตำรวจ หรือเป็นชาวพม่าโดยมีคณะกรรมการตัดสินให้คะแนนชุดแฟนซีแต่ละชุด นอกจากนี้บรรดาเจ้านายและขุนนางข้าราชการกำลังเห่อเล่นกล้องถ่ายรูปกันตามพระราชนิยมของพระพุทธเจ้าหลวง โดยเริ่มตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๔๗ เป็นต้นมา ซึ่งในปีนั้นมีงานรื่นเริงซ้อนกันหลายงาน สร้างความสำราญให้แก่เจ้านายทุกพระองค์ เช่น งานขึ้นปีใหม่ เสด็จประพาสต้น งานออกร้านประจำปีในวัดเบญจมบพิตร ในหลวงทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปิดเป็นร้านถ่ายรูป ทรงถ่ายให้ตามที่ร้องขอ ทรงเกณฑ์เจ้านายมาช่วยงาน เช่น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภาและพระเชษฐภคินีทรงทำหน้าที่ล้างและอัดรูป นอกจากนี้พระองค์ยังได้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดชื่อภาพ “สวนสวรรค์” ปรากฏว่าทรงได้รับรางวัลเหรียญทองแดงเป็นที่ปลื้มปิติมาก
พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภาเป็นพระราชธิดาที่โปรดปรานมากพระองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้าหลวงดังจะเห็นได้จากเมื่อครั้งโสกันต์ สมเด็จพระบรมราชชนกทรงจัดให้เป็นกรณีพิเศษ หรือเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรป ทรงได้รับพระราชทานสร้อยพระกรมีพระปรมาภิไธยประดับเพชรพระธำมรงค์ ๑ วงและหีบหมากเสวย ๑ ใบ นอกจากนี้ภายหลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรป สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน บรรดาพระเจ้าลูกเธอไม่ค่อยมีโอกาสเสด็จเข้าเฝ้าฯ เสวยเพราะโปรดประทับเสวยข้างบน แต่ที่โปรดให้เข้าเฝ้าฯ ประจำเป็นบางพระองค์เท่านั้น เช่น ทูลกระหม่อมหญิงสุทธาทิพย์ฯ สมเด็จเจ้าฟ้านิภาฯ สมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีฯ พระองค์เจ้าอรประพันธ์ฯ และพระองค์เจ้าอดิศัยฯ รวมอยู่ด้วย


ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ทำพิธีกวนข้าวทิพยปายาส ๓ กระทะ ทรงเกณฑ์พระราชธิดาโปรดเป็นพิเศษจำนวน ๖ พระองค์ ทรงทำหน้าที่กวนข้าวทิพย์ต้องฉลองพระองค์สีขาว ทรงสะพักแพรขาว ประกอบด้วยทูลกระหม่อมหญิงสุทธาทิพย์ฯ คู่กับทูลกระหม่อมหญิงวไลยฯ ๑ กระทะ สมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีฯ คู่กับสมเด็จเจ้าฟ้านิภาฯ ๑ กระทะ และพระองค์เจ้าอรประพันธ์ฯ คู่กับพระองค์เจ้าอดิศัยฯ ๑ กระทะ นอกจากนี้ในตอนปลายรัชกาลได้ตามเสด็จฯ พระบรมราชชนกประพาสเมืองเพชรบุรีหลายครั้งเนื่องจากมีพระราชดำริจะสร้างพระที่นั่ง “ศรเพชรปราสาท” ที่ตำบลบ้านปืนและในที่สุดก็ได้ทรงก่อฐานรากสำเร็จเมื่อพุทธศักราช 9 ๒๔๕๒ ตอนปลายรัชกาล


หลังจากสมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จสวรรคต พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา พระเชษฐภคินี และเจ้าจอมมารดา ยังคงประทับและพำนักที่สวนพุดตานในวังสวนดุสิต ตราบจนกระทั่งการก่อสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต่าง ๆ ในสวนสุนันทาได้สร้างแล้วเสร็จในปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ หลังจากนั้นได้ทรงย้ายมาประทับที่สวนสุนันทาในตำหนักเดียวกัน ส่วนเจ้าจอมมารดาได้พำนักอยู่ใกล้ ๆ แยกเรือนต่างหากตราบจนกระทั่งก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองพุทธศักราช ๒๔๗๕ ในขณะที่ทั้งสองพระองค์เสด็จประพาสชายหาดชะอำ เมื่อทรงทราบว่าได้เกิดปฏิวัติ ทรงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงตัดสินพระทัยไม่เสด็จกลับไปสวนสุนันทาอีกเลย และต่อมาได้เสด็จประทับ ณ วังสวนปาริจฉัตก์ ที่สวนนอกบริเวณถนนพิชัย ซึ่งเป็นที่ดินได้รับพระราชทานจากพระบรมราชชนก และได้ประทับต่อมาตราบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ที่วังนั้น ส่วนตำหนักเดิมที่เคยประทับในสวนสุนันทาปัจจุบันได้รื้อไปแล้วเนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ ๗๕ ปี สวนสุนันทา
ภาพ : ดวงพร ตรีภพศรีสกุล