สงกรานต์ มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า "ก้าวขึ้น” หรือ "ผ่าน” หรือ "เคลื่อนย้าย” โดยมีนัยความหมายว่า การเข้าสู่ศักราชราศีใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ นั่นเอง ปัจจุบันมีการเปลี่ยนวันปีใหม่ให้เป็นวันที่ 1 มกราคม แล้ว ตั้งแต่สมัยของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓
เทศกาลสงกรานต์ ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่โบราณ มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ชัดเจน จนกลายเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่งดงาม มีความมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความสงบสุขแก่จิตใจ ครอบครัวและสังคมเป็นสำคัญ รัฐบาลจึงยังคงกำหนดให้วันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยร่วมด้วย
ความหมายแต่ละวัน.... ในเทศกาลสงกรานต์
วันที่ ๑๓ เมษายน เรียกว่า "วันมหาสงกรานต์” หมายถึง วันที่ พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอีกครั้ง หลังจากผ่านเข้าสู่ราศีอื่นๆ แล้ว จนครบ ๑๒ เดือน ซึ่งนอกจากจะเป็นวันมหาสงกรานต์แล้ว รัฐบาลยังกำหนดให้เป็น "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” อีกด้วย เพื่อให้ลูกหลาน ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ บุพการี หรือผู้อาวุโส
วันที่ ๑๔ เมษายน "วันเนา” แปลว่า วันอยู่ หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์ เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอันเป็นราศีตั้งต้นปีเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว และรัฐบาลได้กำหนดให้เป็น "วันครอบครัว” เพราะเห็นว่าช่วงดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่ประชาชน ส่วนใหญ่ เดินทางกลับไปหาครอบครัว จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความรักความอบอุ่น ที่จะได้ พบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและทำกิจกรรมกันในครอบครัว
วันที่ ๑๕ เมษายน เรียกว่า "วันเถลิงศก” เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ถือเป็นวันเริ่มศกใหม่ การกำหนดให้อยู่วันนี้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่าดวงอาทิตย์โคจร ขาดจากราศีมีนมาสู่ราศีเมษแล้วอย่างน้อย ๑ องศา ทั้งสามวันนี้ ถ้าหากดูตามประกาศสงกรานต์ อันเป็นการคำนวณ ตามหลักโหราศาสตร์จริงๆ แล้วจะมีการคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันบ้าง เช่น ในปี ๒๕๖๖ วันมหาสงกรานต์ จะเป็นวันที่ ๑๔ เมษายน แทนที่จะเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน แต่เพื่อให้จดจำได้ง่าย และ ไม่สับสน จึงกำหนดเรียกตามที่กล่าวข้างต้น
ที่มา : ฝ่ายโหรพราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง
ภาพ : วณิชยา บุษบงส์