วันนี้ในอดีต
– ๒๗ มกราคม ๒๕๐๖
วันสิ้นพระชนม์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา
เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
กับเจ้าจอมมารดาอ่อน (บุนนาค)
ประสูติเมื่อวันศุกร์ เดือน ๓ แรม ๑๐ ค่ำ
ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๔๓๒ เป็นพระขนิษฐาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอรประพันธ์รำไพ
ประสูติในพระบรมมหาราชวัง
ตำหนักเป็นอาคารทรงยุโรป ๒ ชั้น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้เป็นที่ประทับของพระราชธิดาทั้ง
๒
พระองค์และพระญาติเจ้าจอมก๊กออ
ในขณะทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาที่โรงเรียนราชกุมารี
ตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง
ทรงศึกษาภาษาไทยชั้นต้นกับพระยาอิศรพันธุ์โสภณ
(หม่อมราชวงศ์หนู อิศรางกูร)
ต่อมาสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ได้ทรงขอครูจากโรงเรียนสุนันทาลัย
มาถวายสอนภาษาอังกฤษและสอนหัดเต้นรำด้วย
ภายหลังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้
หม่อมเจ้าพิจิตรจิราภา เทวกุล
มาสอนถวายแทนครูที่ถึงแก่กรรม
ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๒
ขณะมีพระชันษาได้ ๑๑ ขวบ
ได้ทรงเข้าพระราชพิธีโสกันต์
ตามขัตติยราชประเพณีในปีนั้น
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ณ
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์กลาง
มีเจ้านายทรงเข้าโสกันต์พร้อมกัน ๓
พระองค์ คือ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา
พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา
และพระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภารวมอยู่ด้วย
ซึ่งล้วนเป็นเจ้านายที่เคยประทับในสวนสุนันทา
สมเด็จพระบรมราชชนก
พระราชทานน้ำพระมหาสังข์
ส่งจรดพระกรรไกรกรรณบิด
ผู้ตัดจุกเป็นเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์ คือ
สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์
สมเด็จฯ
เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงษ์วรเดช
เสด็จกรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ
เสด็จกรมพระนเรศวรฤทธิ์ และสมเด็จฯ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
หลังจากที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕
เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรปในปีพุทธศักราช
๒๔๔๐
ได้ทรงซื้อที่ดินเพื่อสร้างสวนดุสิตในระยะแรก
ทรงโปรดเกล้าให้สร้างพลับพลาชั้นเดียว
เป็นที่ประทับชั่วคราวจนแล้วเสร็จในปีพุทธศักราช
๒๔๔๒
พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภาและพระเชษฐภคินีได้ทรงย้ายที่ประทับพร้อมด้วยเจ้าจอมมารดาจากวังหลวงมายังวังสวนดุสิต
พระที่นั่งวิมานเมฆ แล้วที่สวนพุดตาน
โดยลำดับ
ก่อนที่จะเสด็จไปประทับที่สวนสุนันทาในเวลาต่อมา
ในระหว่างประทับที่วังสวนดุสิตนั้น
พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภาส่งสำราญกับงานรื่นเริงต่าง
ๆ เช่น
งานขึ้นปีใหม่จะมีการเล่นในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์
และข้าราชบริพาร
มีการจับสลากเพื่อแต่งแฟนซีประกวดประชันกันทุกปี
มีอยู่ปี ๑
พระองค์ทรงจับสลากถูกให้แต่งเป็นชุดนายทหาร
ผู้แต่งแฟนซีทุกคนต้องมีบ่าวแต่งแฟนซีในชุดที่เหมือนกันด้วย
พระเจ้าอยู่หัวทรงจับสลากให้ทรงฉลองพระองค์ชุดนายทหารเรือ
ส่วนเจ้าจอมก๊กออแต่ละท่าน
ก็ถูกแต่งให้เป็นขุนนางเก่าในตำรวจหรือเป็นชาวพม่า
โดยมีคณะกรรมการตัดสินให้คะแนนชุดแฟนซีแต่ละชุด
นอกจากนี้บรรดาเจ้านายและขุนนางข้าราชการกำลังเห่อเล่นกล้องถ่ายรูปกันตามพระราชนิยมของพระพุทธเจ้าหลวง
โดยเริ่มตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๔๗
เป็นต้นมา
ซึ่งในปีนั้นมีงานรื่นเริงซ้อนกันหลายงานสร้างความสำราญให้แก่เจ้านายทุกพระองค์
เช่น งานขึ้นปีใหม่ เสด็จประพาสต้น
งานออกร้านประจำปีในวัดเบญจมบพิตร
ในหลวงทรงโปรดเกล้าให้เปิดเป็นร้านถ่ายรูป
ถ่ายให้ตามที่ร้องขอส่งเจ้านายมาช่วยงาน
เช่น
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภาและพระเชษฐภคินีทรงทำหน้าที่ล้างอัดรูป
นอกจากนี้พระองค์ยังได้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวด
ชื่อภาพ สวนสวรรค์
ปรากฏว่าทรงได้รับรางวัลเหรียญทองแดง
เป็นที่ปลื้มปิติมาก
พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภาเป็นพระราชธิดาที่โปรดปรานมากพระองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้าหลวง
ดังจะเห็นได้จากเมื่อครั้งโสกันต์
สมเด็จพระบรมราชชนกต้องจัดให้เป็นกรณีพิเศษ
หรือเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรป
ทรงได้รับพระราชทานสร้อยพระกร
มีพระปรมาภิไธยประดับเพชรพระธำมรงค์ ๑
วงและหีบหมากเสวย ๑ ใบ
นอกจากนี้ภายหลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรป
สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดประทับ ณ
พระที่นั่งอัมพรสถาน
บรรดาพระเจ้าลูกเธอไม่ค่อยมีโอกาสเข้าเฝ้าเสวยเพราะโปรดประทับเสวยข้างบน
แต่ที่เปิดให้เข้าเฝ้าประจำเป็นบางพระองค์นั้น
เช่น ทูลกระหม่อมหญิงสุธาทิพย์ สมเด็จฯ
เจ้าฟ้านิภาฯ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามาลินีฯ
พระองค์เจ้าอรประพันธ์ฯ
และพระองค์เจ้าอดิศัยฯ
รวมอยู่ด้วย
ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๑
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าให้ทำพิธีกวนข้าวทิพยปายาส ๓
กระทะ
ทรงเกณฑ์พระราชธิดาที่โปรดเป็นพิเศษจำนวน
๖ พระองค์
ทรงทำหน้าที่กวนข้าวทิพย์ต้องฉลองพระองค์สีขาว
ทรงสะพักแพรขาว ประกอบด้วย
ทูลกระหม่อมหญิงสุทธาทิพย์ฯ
คู่กับทูลกระหม่อมหญิงวไลยฯ ๑ กระทะ
สมเด็จฯเจ้าฟ้ามาลินีฯ คู่กับ
สมเด็จฯเจ้าฟ้านิภาฯ ๑ กระทะ
และพระองค์เจ้าอรประพันธ์ฯ
คู่กับพระองค์เจ้าอดิศัยฯ ๑ กระทะ
นอกจากนี้ในตอนปลายรัชกาลได้ตามเสด็จพระบรมราชชนกประพาสเมืองเพชรบุรีหลายครั้ง
เนื่องจากมีพระราชดำริจะสร้างพระที่นั่งศรเพชรปราสาทที่ตำบลบ้านปืน
และในที่สุดก็ได้ทรงก่อฐานรากสําเร็จเมื่อพุทธศักราช
๒๔๕๒ ตอนปลายรัชกาล
หลังจากสมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จสวรรค
ตพระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา
พระเชษฐภคินีและเจ้าจอมมารดายังคงประทับและพำนักที่สวนพุดตานในวังสวนดุสิต
ตราบจนกระทั่งการก่อสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆ
ในสวนสุนันทาได้สร้างแล้วเสร็จในปีพุทธศักราช
๒๔๖๒
หลังจากนั้นไปส่งย้ายมาประทับที่สวนสุนันทาในตำหนักเดียวกัน
มีลักษณะเป็นตำหนักแฝด
มีทางเดินเชื่อมถึงกันทั้งสองตำหนัก
ส่วนเจ้าจอมมารดาได้พำนักอยู่ใกล้ ๆ
แยกเรือนต่างหาก
ตราบจนกระทั่งก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองพุทธศักราช
๒๔๗๕
ในขณะที่ทั้งสองพระองค์เสด็จประพาสชายหาดชะอำ
เมื่อทรงทราบว่าได้เกิดปฏิวัติจนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
จึงตัดสินพระทัยไม่เสด็จกลับไปสวนสุนันทาอีกเลย
และต่อมาได้เสด็จประทับ ณ
วังสวนปาริจฉัตก์ที่สวนนอก บริเวณถนนพิชัย
ซึ่งเป็นที่ดินได้รับพระราชทานจากพระบรมราชชนก
และได้ประทับต่อมาตราบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์
ส่วนตำหนักเดิมที่เคยประทับในสวนสุนันทา
ปัจจุบันได้รื้อไปแล้ว
ในบั้นปลายพระชนมชีพ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา
ทรงแวดล้อมไปด้วย พระญาติในสกุลบุนนาค
และข้างหลวงคนสนิท
ทรงดำเนินพระจริยวัตรเรียบง่าย
แต่สมพระเกียรติแห่ง ขัติยนารีทุกประการ
นอกจากนี้ยังเคยเสด็จต่างประเทศพร้อมกับเจ้าจอมมารดาอ่อน
อาทิ ประเทศสิงคโปร์ ปีนัง และสุมาตรา
กระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๐๕
พบว่าทรงเป็นมะเร็งตับ
และได้เข้ารับถวายการรักษา
จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จนสิ้นพระชนม์
เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๖ พระชันษา
๗๔ ปี